ขลิบ หรือ การตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นเรื่องที่หลายคนอาจเคยได้ยิน แต่ในบางคนยังไม่แน่ใจว่าคือการทำอะไร ขลิบหรือไม่ขลิบดี และควรขลิบหรือเปล่า บางคนอยากทำเพราะเหตุผลด้านสุขภาพ บางคนทำตามความเชื่อ หรือคำแนะนำจากแพทย์
ก่อนจะตัดสินใจขลิบ สิ่งสำคัญคือเราควรทำความเข้าใจให้ดีก่อนคือ ขลิบคืออะไร มีข้อดี อะไรบ้าง รวมถึงวิธีการเตรียมตัวและการดูแลหลังการขลิบ บทความนี้จะช่วยตอบคำถามที่หลายคนสงสัย และให้ข้อมูลที่จำเป็นเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ขลิบคืออะไร?
ขลิบ (Circumcision) คือการตัดหนังหุ้มปลายองคชาตออก โดยมักทำในทารกหรือเด็กชาย แต่ก็มีบางกรณีที่ผู้ใหญ่เลือกทำภายหลังด้วยเหตุผลเฉพาะตัว เช่น ปัญหาทางการแพทย์หรือความเชื่อส่วนตัว

ทำไมบางคนถึงต้องรับการขลิบ?
เหตุผลทางศาสนาและวัฒนธรรม: ในศาสนาอิสลามและยิว การขลิบเป็นพิธีกรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา
เหตุผลทางสุขอนามัย: บางคนเชื่อว่าการขลิบช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและทำความสะอาดง่ายขึ้น
เหตุผลทางการแพทย์: เช่น ภาวะหนังหุ้มปลายเปิดไม่ออก (phimosis)หรือเกิดการติดเชื้อบ่อย ๆ ซึ่งอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการขลิบ

ประโยชน์ของการขลิบ
- ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็กที่ยังดูแลสุขอนามัยได้ไม่ดีนัก แม้ความเสี่ยงจะไม่สูงมาก แต่การขลิบสามารถลดโอกาสการติดเชื้อได้
- ลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) มีงานวิจัยพบว่า การขลิบสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV, HPV, และ HSV (เริม)
- ลดความเสี่ยงของมะเร็งองคชาติ ถึงแม้มะเร็งชนิดนี้จะพบได้น้อยมาก แต่การขลิบสามารถช่วยลดความเสี่ยงนี้
- ช่วยให้ดูแลความสะอาดได้ง่ายขึ้น เพราะไม่มีหนังหุ้มปลายมาบังทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่าย และลดการสะสมของสิ่งสกปรก ซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
- ป้องกันปัญหาทางกายวิภาคบางอย่างเช่น ภาวะหนังหุ้มปลายตีบ (Phimosis) ที่ทำให้หนังหุ้มปลายไม่สามารถรั้งกลับได้หรือภาวะ Paraphimosis ที่หนังหุ้มปลายรั้งแล้วติด ไม่สามารถกลับมาปิดปลายได้ อาจต้องรักษาด้วยการขลิบ

การขลิบหนังหุ้มปลายมี 3 วิธีหลักๆ ได้แก่
1. ขลิบแบบธรรมดา
วิธีนี้เป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน แพทย์จะฉีดยาชา แล้วใช้กรรไกร มีด หรือเครื่องจี้ไฟฟ้า ตัดหนังหุ้มปลายออก จากนั้นเย็บแผลให้ติดกัน และมักมีเลือดออกมาก เจ็บ แผลหายช้า และต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ปัจจุบันจึงไม่เป็นที่นิยม
2. ขลิบด้วยเลเซอร์
ลักษณะการทำเหมือนกับการขลิบแบบธรรมดา แต่ใช้เลเซอร์ในการตัดหนังหุ้มปลายแทนกรรไกรหรือมีด แผลสวย เรียบเนียนราคาแพงกว่าการขลิบแบบธรรมดา
3. ขลิบไร้เลือด
เป็นวิธีที่ทันสมัย ใช้เวลาทำประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้น และทาง Eternity Clinic ใช้การขลิบไร้เลือด รุ่นไทเทเนียม ซึ่งดีกว่ารุ่นก่อนๆ เนื่องด้วยมีแผ่นซิลิโคนรองตัวเย็บไทเทเนียมและตัวเย็บไทเทเนียม ช่วยเสริมการห้ามเลือดและทำให้ตัวเย็บหลุดเองได้ง่ายขึ้นไม่จมลงในเนื้อ แผลที่ได้เลยสวย ไม่เป็นรอยตะขาบและเจ็บน้อยมาก อีกทั้งไม่ต้องพักฟื้นนาน

ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนตัดสินใจ?
- ศึกษาข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งด้านการแพทย์ วัฒนธรรม และจริยธรรม
- พูดคุยกับแพทย์ เพื่อทำความเข้าใจถึงความจำเป็น ความเสี่ยง และผลลัพธ์ระยะยาว
- รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายโดยเฉพาะจากคนที่ผ่านการขลิบแล้ว ทั้งในแง่บวกและลบ
- หากเป็นพ่อแม่ของเด็ก ควรพิจารณาอย่างว่าเป็นสิ่งจำเป็นจริงหรือไม่ หรือสามารถรอให้เด็กโตพอที่จะตัดสินใจได้เองหรือไม่

การดูแลหลังการขลิบ
- ควรรักษาความสะอาด ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและเปลี่ยนผ้าพันแผล ตามคำแนะนำของแพทย์
- ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือการออกกำลังกายแบบหนัก โดยเฉพาะใน 1-2 สัปดาห์แรก
- ควรใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ เพื่อลดการเสียดสีและอาการเจ็บ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง เลือดออกมาก หรือมีหนองให้รีบพบแพทย์
ขลิบเป็นการรักษาทางการแพทย์ที่สามารถทำได้ด้วยหลายเหตุผล โดยในปัจจุบันมีให้เลือกหลายวิธี ขลิบแบบไร้เลือดเป็นวิธีที่แนะนำเพราะปลอดภัย เจ็บน้อยและพักฟื้นเร็ว หากคุณผู้ชายสนใจการขลิบควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ปรึกษาแพทย์ และหลังการขลิบควรดูแลแผลให้ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แผลหายไว ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ การขลิบไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากเตรียมตัวและดูแลอย่างเหมาะสม ก็สามารถช่วยเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้

