การขลิบอวัยวะเพศชายฟังดูอาจเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับบางคน แต่สำหรับผู้ชายหลายคน โดยเฉพาะในวัยเด็กหรือวัยรุ่นตอนต้น การตัดสินใจเรื่องนี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต ด้วยเหตุผลทางศาสนา วัฒนธรรม หรือสุขภาพ แน่นอนว่าขลิบแบบไหนดี ก็เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยผู้ชายหลายคนมีความกังวลเรื่องความเจ็บปวด และระยะเวลาในการฟื้นตัว
บทความนี้จะพาไปสำรวจวิธีการขลิบในรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมข้อดี ข้อเสีย และเคล็ดลับในการดูแลตัวเองหลังการขลิบให้ฟื้นตัวเร็ว โดยเน้นข้อมูลที่เข้าใจง่ายเพื่อให้คุณหรือคนใกล้ตัวสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด

ขลิบคืออะไร
ขลิบ (Circumcision) คือการผ่าตัดเพื่อตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายออกบางส่วนหรือทั้งหมด โดยทั่วไปจะเป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องวางยาสลบ และสามารถทำได้ทั้งในเด็กทารก เด็กโต หรือผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความสมัครใจ

ทำไมผู้ชายบางคนต้องขลิบ
1.ประโยชน์ทางสุขอนามัย
- การขลิบช่วยลดโอกาสในการเกิดการสะสมของแบคทีเรีย เชื้อรา หรือคราบสกปรกบริเวณใต้หนังหุ้มปลาย ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อหรืออักเสบ
- ลดความเสี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีงานวิจัยบางส่วนที่พบว่าการขลิบสามารถลดโอกาสในการติดเชื้อ HIV และ HPV
- ลดปัญหาเกี่ยวกับหนังหุ้มปลาย เช่น หนังหุ้มปลายตีบ (phimosis) หรือหนังหุ้มปลายอักเสบ
2.ด้านวัฒนธรรมและศาสนา
- ศาสนาอิสลามและยิว เป็นข้อบังคับที่เด็กชายทุกคนต้องขลิบ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และความเชื่อฟังต่อพระเจ้า
- บางกลุ่มชาติพันธุ์และบางวัฒนธรรม การขลิบถูกมองว่าเป็นพิธีกรรมแห่งความเป็นลูกผู้ชาย หรือเครื่องหมายของการเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่
- ประเพณีในบางประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ หรือบางชุมชนในอินโดนีเซีย ที่การขลิบเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทั่วไป

วิธีขลิบในปัจจุบัน มีกี่แบบ
1. ขลิบด้วยมีดผ่าตัด เป็นวิธีที่ใช้กันมายาวนานที่สุด โดยแพทย์จะใช้มีดผ่าตัดตัดหนังหุ้มปลายออก แล้วเย็บแผลด้วยไหมละลายข้อดี
- ควบคุมตำแหน่งและขนาดของการตัดได้แม่นยำ
- สามารถปรับตามลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคนได้
- เหมาะกับผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อน
ข้อเสีย
- เจ็บมากกว่าวิธีอื่น
- ใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นนานกว่า
2. ขลิบด้วยเลเซอร์ จะใช้เลเซอร์ในการตัดหนังหุ้มปลาย ซึ่งจะทำให้แผลเรียบ และเสียเลือดน้อยกว่าการใช้มีด
ข้อดี
- เจ็บน้อย แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็วกว่าวิธีขลิบด้วยมีดผ่าตัด
- เสียเลือดน้อย เนื่องจากเลเซอร์จะช่วยจี้เส้นเลือดไปในตัว
- ลดโอกาสเกิดการติดเชื้อ
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าวิธีทั่วไป
- ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทาง
3.ขลิบไร้เลือด รุ่นไทเทเนียม กับทาง Eternity Clinic เป็นการขลิบหนังหุ้มปลายและทำการตัดเย็บอัตโนมัติ โดยเครื่องมือขลิบไร้เลือด เป็นรุ่นไทเทเนียมมีใบมีดที่คมขึ้น แผ่นซิลิโคน รองตัวเย็บไทเทเนียม ที่ช่วยเสริมการห้ามเลือดและตัวเย็บหลุดเองได้ง่ายขึ้นไม่จมลงในเนื้อทำให้แผลที่ได้ไม่เป็นรายตะขาบ
ข้อดี
- ใช้เวลาในการขลิบเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น
- เลือดแทบไม่ออกเลย หรือบางคนมีเลือดซึมแค่เล็กน้อย
- เป็นคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน ปลอดภัย และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ข้อเสีย
- เวลาพักฟื้นน้อย อาจหยุดงานได้ไม่กี่วัน เพราะเจ็บน้อยและแผลหายไว

เคล็ดลับในการดูแลตัวเองหลังการขลิบให้ฟื้นตัวเร็ว
1. การทำความสะอาด
- ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาด วันละ 1–2 ครั้ง โดยใช้มือสะอาดหรือน้ำไหลผ่านเบาๆ
- เช็ดแห้งด้วยผ้านุ่มหรือกระดาษทิชชู่ ซับเบาๆ
- หากแพทย์แนะนำให้ใช้ยาฆ่าเชื้อเฉพาะจุด ให้ใช้ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง : ควรงดกิจกรรมทางเพศหรือช่วยตัวเองประมาณ 3–4 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจะหายสนิท และควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ในช่วงสัปดาห์แรก
2. อาหารที่ช่วยเสริมในการฟื้นตัว
- ควรทานที่มีโปรตีน เช่น ไข่ ปลา ถั่ว เต้าหู้ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
- ควรทานอาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง บรอกโคลี ช่วยสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว
- ควรทานอาหารที่มีสังกะสี เช่น เมล็ดฟักทอง อัลมอนด์ ช่วยเสริมภูมิต้านทานและช่วยสมานแผล
การขลิบมีหลายวิธีให้เลือกทั้งขลิบด้วยมีดผ่าตัด เลเซอร์ หรือขลิบไร้เลือด ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นตัวไว เจ็บน้อย วิธีที่นิยมคือ ขลิบไร้เลือดรุ่นไทเทเนียม ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย ช่วยลดความเจ็บปวดและลดการเสียเลือดได้ดี
หลังขลิบควรดูแลแผลให้สะอาด เลี่ยงกิจกรรมหนัก และทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยให้แผลของคุณหายเร็วขึ้น อย่าลืมปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะกับคุณที่สุด

